สำหรับใครที่กำลังค้นหาเรื่องเกี่ยวกับการขายฝาก คงเป็นเรื่องยากหากคุณมีความรู้ทางกฎหมายอันน้อยนิด เนื่องจากการขายฝากเป็นหนึ่งในการทำนิติกรรมทางกฎหมายที่มีบทบัญญัติหลายประการที่เคร่งครัด แต่นั่นก็เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบของตัวผู้ขายฝากเอง นั่นทำให้ในวันนี้ Inno Home แพลตฟอร์มขายฝากอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท จะขอมาอธิบายและให้ความรู้ในทุกแง่มุมของการขายฝากให้แก่คุณกัน พร้อมด้วย 6 วิธีขายฝากอสังหาริมทรัพย์ที่จะทำให้คุณเข้าใจเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น
ขายฝาก คืออะไร?
ขายฝาก(Repo) คือการทำสัญญาซื้อขายซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตกไปยังผู้ซื้อ โดยมีข้อตกลงกันว่าผู้ขายอาจไถ่ทรัพย์นั้นคืนได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 491 ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าการขายฝากเป็นการที่ผู้ขายฝากมอบสิทธิ์ความเป็นเจ้าของสูงสุดให้กับอีกผู้ซื้อฝาก โดยผู้ซื้อฝากนั้นได้มอบเงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้ขายฝากเพื่อเป็นค่าตอบแทนจนกว่าจะมีการไถ่ถอนทรัพย์คืนตามระยะเวลาที่เขียนไว้ในหนังสือสัญญาขายฝากครั้งนั้น

เพื่อให้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น ขายฝากนั้นคล้ายกับการจำนำที่เราคุ้นหูกัน ซึ่งการจำนำนั้นจะใช้กับสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก แตกต่างกับการขายฝากที่จะเป็นอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน คอนโด หรือใช้เป็นสังหาริมทรัพย์ เช่น รถยนต์ เรือ เกวียน โทรทัศน์ ก็ย่อมได้
ความสำคัญของการขายฝาก
การขายฝากมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการเงินด่วน แต่ไม่อยากขายทรัพย์สินขาด เพราะช่วยให้ได้เงินเร็วกว่าการกู้จากธนาคาร ไม่ต้องผ่านขั้นตอนการอนุมัติที่ยุ่งยาก ไม่ต้องมีเอกสารรายได้มากมาย และ ไม่จำเป็นต้องมีประวัติเครดิตดี แม้แต่คนที่เคยผิดนัดชำระหนี้ก็สามารถขายฝากได้ถ้ามีทรัพย์สิน นอกจากนี้ การขายฝากยังมีความยืดหยุ่นมากกว่า เพราะคุณสามารถเจรจาต่อรองเงื่อนไขต่างๆ ได้โดยตรงกับผู้ซื้อฝาก ไม่ว่าจะเป็นวิธีการจ่ายดอกเบี้ย หรือระยะเวลาในการไถ่ถอน
ที่สำคัญที่สุด การขายฝากให้โอกาสคุณได้ทรัพย์สินคืน ต่างจากการขายขาดที่เมื่อขายไปแล้วจะไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอีก การขายฝากช่วยให้คุณมีเวลาหาเงินมาไถ่ถอนทรัพย์สินคืน ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการใช้เงินก้อนในช่วงเวลาหนึ่ง แต่คาดว่าในอนาคตจะมีเงินมาไถ่ถอนได้ สำหรับผู้ที่มีทรัพย์สินที่มีคุณค่าทางใจ เช่น บ้านที่อยู่มานาน หรือที่ดินมรดกจากบรรพบุรุษ การขายฝากช่วยให้ไม่ต้องสูญเสียทรัพย์สินเหล่านั้นไปอย่างถาวร อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงเสมอว่ามีความเสี่ยงที่อาจสูญเสียทรัพย์สินหากไม่สามารถไถ่ถอนได้ทันตามกำหนด
วิธีขายฝากอสังหาริมทรัพย์

ขายฝากเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการเงินอย่างเร่งด่วน โดยที่คุณยังมีโอกาสได้ทรัพย์สินกลับคืนในอนาคต มาดูขั้นตอนการขายฝากกันอย่างละเอียดกัน
1. การสำรวจและประเมินทรัพย์สิน

ขั้นตอนแรกคือการที่ผู้ซื้อฝาก (ผู้ให้กู้) จะมาดูบ้าน ที่ดินหรือหลักทรัพย์ที่คุณต้องการนำมาขายฝาก นี่เป็นขั้นตอนสำคัญเพราะผู้ซื้อฝากต้องประเมินมูลค่าทรัพย์สินเพื่อกำหนดวงเงินที่จะให้ได้ โดยส่วนใหญ่จะประเมินประมาณ 50-70% ของราคาตลาด ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงและสภาพทรัพย์สิน
2. การตกลงราคาและเงื่อนไข

เมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นทรัพย์สินแล้วจะมีหัวข้อการเจรจาต่อรองที่นิยมพบ อันได้แก่
- จำนวนเงินที่จะได้รับจากการขายฝาก
- ระยะเวลาของสัญญาขายฝาก (ปกติอยู่ที่ 1-3 ปี)
- อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย (ไม่เกิน 15% ต่อปีตามกฎหมาย)
- เงื่อนไขการชำระดอกเบี้ย (รายเดือน รายไตรมาส หรือครั้งเดียวตอนไถ่ถอน)
3. การจดทะเบียนที่กรมที่ดิน

หลังจากตกลงเงื่อนไขกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งผู้ขายฝากและผู้ซื้อฝากต้องไปที่กรมที่ดินพร้อมกันเพื่อทำสัญญาขายฝากอย่างเป็นทางการ โดยต้องเตรียมเอกสารดังนี้
- โฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ์ของอสังหาริมทรัพย์
- บัตรประชาชนของทั้งสองฝ่าย
- ทะเบียนบ้านของทั้งสองฝ่าย
- เงินค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียน
เจ้าหน้าที่จะจัดทำสัญญาขายฝากและบันทึกรายละเอียดลงในโฉนดที่ดิน
4. การรับเงินทันทีหลังทำสัญญา

จุดเด่นของการขายฝากคือ ทันทีที่จดทะเบียนเสร็จสิ้น ผู้ขายฝากจะได้รับเงินตามจำนวนที่ตกลงกันทันที ซึ่งแตกต่างจากการกู้ธนาคารที่อาจต้องรอการอนุมัติหรือขั้นตอนอื่นๆ อีกมากมาย
5. การชำระดอกเบี้ยรายเดือน

ตามเงื่อนไขในสัญญา ผู้ขายฝากต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ซื้อฝากเป็นรายเดือนจนกว่าจะครบกำหนดสัญญา ดอกเบี้ยนี้คิดจากยอดเงินที่คุณได้รับจากการขายฝาก โดยกฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องไม่เกิน 15% ต่อปี ตามมาตรา 499 วรรคสอง แต่อาจมีการตกลงในอัตราที่ต่ำกว่านี้ได้
6. การไถ่ถอนเมื่อครบกำหนด

เมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญา คุณสามารถนำเงินตามจำนวนที่ขายฝากไว้ไปชำระคืนให้ผู้ซื้อฝากเพื่อไถ่ถอนทรัพย์สินคืน โดยต้องไปดำเนินการที่กรมที่ดินเช่นเดียวกับตอนทำสัญญาขายฝาก ทั้งนี้ต้องไถ่ถอนภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา มิเช่นนั้นกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะตกเป็นของผู้ซื้อฝากโดยสมบูรณ์
ข้อควรระวังของการขายฝากอสังหาริมทรัพย์

การขายฝากอสังหาริมทรัพย์มีข้อควรระวังหลายประการที่ผู้ขายฝากควรตระหนักก่อนตัดสินใจ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินมูลค่าสูงและมีความเสี่ยงที่อาจสูญเสียทรัพย์สินได้ ประเด็นสำคัญที่ต้องระวังคือเรื่องระยะเวลาในการไถ่ถอนที่จำกัด ต้องแน่ใจว่าคุณสามารถหาเงินมาไถ่ถอนได้ทันตามกำหนด เพราะเมื่อพ้นกำหนดแล้ว กรรมสิทธิ์จะตกเป็นของผู้ซื้อฝากทันที นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยของการขายฝากมักสูงกว่าการกู้เงินจากธนาคาร แม้กฎหมายจะกำหนดเพดานไว้ไม่เกิน 15% ต่อปี แต่ก็ยังเป็นภาระมากในการจ่ายดอกเบี้ยรายเดือน
อีกประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญคือเงื่อนไขต่างๆ ในสัญญา ควรตรวจสอบว่ามีค่าใช้จ่ายแอบแฝงหรือไม่ เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการต่างๆ หรือค่าปรับหากผิดนัดชำระดอกเบี้ย ในบางสัญญาอาจมีเงื่อนไขระบุว่าหากผิดนัดชำระดอกเบี้ยแม้เพียงครั้งเดียว จะถือว่าสิ้นสุดสัญญาทันทีและทรัพย์สินตกเป็นของผู้ซื้อฝาก นอกจากนี้ ควรศึกษาเงื่อนไขการอยู่อาศัยหรือการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินระหว่างขายฝาก บางสัญญาอาจระบุให้ยังคงอยู่อาศัยได้ แต่บางสัญญาอาจกำหนดให้ต้องย้ายออกทันที
ขายฝาก แตกต่างกับ จำนอง อย่างไร?
การขายฝากและการจำนองเป็นการทำนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่กฎหมายให้การรับรอง โดยการขายฝากอยู่ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 491-502 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งกำหนดว่า “การขายฝากคือสัญญาซื้อขายซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตกไปยังผู้ซื้อ โดยมีข้อตกลงกันว่าผู้ขายอาจไถ่ทรัพย์นั้นคืนได้”
ส่วนการจำนองอยู่ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 702-746 ซึ่งกำหนดว่า “การจำนองคือสัญญาซึ่งบุคคลหนึ่ง เรียกว่าผู้จำนอง เอาทรัพย์สินตราไว้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจำนอง เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจำนอง”
ทั้งสองวิธีนี้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้
ประเด็น 5165_d782db-87> |
การขายฝาก 5165_dd2317-5b> |
การจำนอง 5165_a4a15c-e0> |
---|---|---|
สถานะกรรมสิทธิ์ 5165_62eafc-36> |
กรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อฝากทันที 5165_aee118-2b> |
กรรมสิทธิ์ยังคงอยู่กับผู้จำนอง 5165_02e6b6-08> |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 5165_bf9734-4c> |
ป.พ.พ. มาตรา 491-502 5165_65d3de-bb> |
ป.พ.พ. มาตรา 702-746 5165_e094fa-05> |
ลักษณะนิติกรรม 5165_31f8be-d3> |
เป็นการซื้อขายที่มีเงื่อนไขพิเศษ 5165_8cbb93-c9> |
เป็นการประกันการชำระหนี้ 5165_5132eb-56> |
การอยู่อาศัย/ใช้ประโยชน์ 5165_4cf4a9-27> |
ขึ้นอยู่กับข้อตกลงในสัญญา 5165_a65c0e-8b> |
ผู้จำนองยังคงมีสิทธิ์ใช้ทรัพย์สินได้ตามปกติ 5165_e4e754-f8> |
กรณีผิดสัญญา 5165_2170ab-aa> |
ทรัพย์สินตกเป็นของผู้ซื้อฝากทันที 5165_b17409-17> |
ต้องฟ้องบังคับจำนองและขายทอดตลาด 5165_a7e248-11> |
ระยะเวลา 5165_e82c82-51> |
มีกำหนดระยะเวลาไถ่ถอนชัดเจน 5165_37de34-df> |
มักมีระยะเวลายาวกว่าและต่ออายุได้ง่ายกว่า 5165_7b67b4-b2> |
ดอกเบี้ย 5165_ddb6d7-31> |
ไม่เรียกว่าดอกเบี้ย แต่คิดเป็นค่าตอบแทนการซื้อฝาก 5165_0c4415-aa> |
คิดเป็นดอกเบี้ยตามสัญญากู้ 5165_2c5409-c7> |
การไถ่ถอน 5165_35ce15-62> |
ต้องไถ่ถอนภายในเวลาที่กำหนดในสัญญาเท่านั้น 5165_639ece-c6> |
สามารถไถ่ถอนได้ตลอดเวลาเมื่อชำระหนี้ครบ 5165_c93d34-a1> |
ความเสี่ยงต่อเจ้าของทรัพย์ 5165_0acd30-63> |
สูง เพราะอาจสูญเสียทรัพย์สินเมื่อพ้นกำหนดไถ่ถอน 5165_ad4d40-9e> |
ต่ำกว่า เพราะมีกระบวนการบังคับคดีที่ยาวนานกว่า 5165_244556-97> |
เหมาะสำหรับ 5165_1f9842-9a> |
ผู้ต้องการเงินด่วนที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ 5165_97b016-e0> |
ผู้ต้องการกู้เงินระยะยาวและมีคุณสมบัติตามเกณฑ์สถาบันการเงิน 5165_694eeb-f8> |
ผลต่อราคาทรัพย์สิน 5165_095b78-0b> |
มักได้ราคาต่ำกว่ามูลค่าตลาดมาก (30-50%) 5165_5bd1ba-bb> |
มักได้วงเงินสูงกว่า (70-80% ของราคาประเมิน) 5165_f139c9-47> |
การบังคับใช้สิทธิ 5165_a1e1e3-b3> |
ไม่ต้องผ่านกระบวนการศาล สามารถยึดทรัพย์ได้ทันที 5165_9355e5-15> |
ต้องฟ้องร้องและบังคับคดีผ่านกระบวนการศาล 5165_ca8d63-a8> |
การรับเงินส่วนเกิน 5165_ca686a-51> |
ไม่มีการคืนเงินส่วนเกินให้ผู้ขายฝาก 5165_2ead61-e6> |
หากขายทอดตลาดได้เกินหนี้ เงินส่วนเกินจะคืนให้ผู้จำนอง 5165_d8dbdc-d7> |
การเลือกระหว่างการขายฝากกับการจำนองควรพิจารณาจากความเร่งด่วนในการใช้เงิน ความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในการสูญเสียทรัพย์สิน โดยการขายฝากอาจเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อไม่สามารถเข้าถึงการจำนองได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงกว่า